เว็บไซต์ขององค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์สัย มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น กรุณาอ่าน นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
ให้ความยินยอม
องค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์สัย
อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
องค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์สัย
home
เมนูหลัก (Main)
info
แบบประเมินผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ปี 2567
voice_chat
วิดีโอกิจกรรม อบต.โพธิ์สัย
camera_alt
ภาพกิจกรรม
volume_down
ข่าวประชาสัมพันธ์
chat_bubble
ประกาศต่างๆเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือจัดหาพัสดุ
cast
ระบบการจัดซื้อจัดจ้าง egp
info
ข้อมูลหน่วยงาน
place
สถานที่ท่องเที่ยว
info_outline
วิสัยทัศน์-พันธกิจ
check_circle
ประวัติความเป็นมา
account_box
โครงสร้างส่วนราชการ
group
คณะผู้บริหาร
account_box
ข้อมูลผู้บริหาร
group
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์สัย
group
หัวหน้าส่วนราชการ
account_box
หน่วยตรวจสอบภายใน
group
สำนักปลัด
group
กองคลัง
group
กองช่าง
group
กองการศึกษา
forum
ข้อมูลข่าวสาร
volume_down
ข่าวประชาสัมพันธ์
chat_bubble
ประกาศต่างๆเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือจัดหาพัสดุ
folder
รายงานผลการปฏิบัติงาน
folder
งบประมาณรายจ่ายประจำปี
folder
แผนการจัดซื้อจัดจ้างหรือแผนการจัดหาพัสดุ
folder
ข้อมูลข่าวสารกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
public
Instagram
stay_current_portrait
line
verified_user
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
folder
รายงานการประชุมสภา
info_outline
ข้อมูลการติดต่อ
voice_chat
วิดีโอกิจกรรม อบต.โพธิ์สัย
public
ร้องทุกข์/ร้องเรียน
dvr
facebook
image
โอเพนแชทไลน์ (Line)
info
ข้อมูลบริการประชาชน one stop Service
องค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์สัย
ตำบลโพธิ์สัย
อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
arrow_back_ios
กลับเมนูหลัก
ยินดีต้อนรับ เข้าสู่เว็บไซต์ องค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์สัย อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
check_circle
ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมา
ตำบลโพธิ์สัย แต่ก่อนนั้นขึ้นอยู่ในการปกครองของตำบลสวนจิก ซึ่งสมัยนั้นมีกำนันปกครองตำบลสวนจิก คือ นายเสร็จ พันธุมี ต่อมาทางราชการได้แบ่งแยกการปกครองออกมาตั้งเป็นตำบลโพธิ์สัย เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2532 เพื่อให้เหมาะสมในการปกครองท้องถิ่น จำนวนหมู่บ้านมี 9 หมู่บ้าน และทางอำเภอได้มีคำสั่งให้เลือกตั้งกำนันตำบลโพธิ์สัยขึ้น ในวันที่ 30 กันยายน 2532 ซึ่งผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นายเลิศ เพ็งอารีย์ ได้รับเลือกให้เป็นกำนันคนแรกของตำบลโพธิ์สัย ความเป็นมาของชื่อตำบลโพธิ์สัยนั้นแต่เดิมชื่อบ้านหนองแต้ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2445 เกิดไฟไหม้หมู่บ้าน ชาวบ้านได้พากันอพยพไปอาศัยใต้ร่มเงาต้นโพธิ์ใหญ่ในวัดบ้านหนองแต้ ชาวบ้านจึงเห็นความสำคัญของร่มโพธิ์ ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อบ้านจากบ้านหนองแต้ มาเป็นบ้านโพธิ์สัย จนถึงปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2411 ได้เริ่มมีการอพยพโดยชาวบ้าน บ้านโพนละออม ตำบลหนองกุง อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม เข้ามาหาที่ทำกินบริเวณ “บ้านโพนทองเก่า” ซึ่งได้ก่อตั้งเป็นชุมชนเล็ก ๆ ครั้งแรกประมาณ 10 หลังคาเรือน บริเวณที่ตั้งจะอยู่ริมห้วยแอ่ง ในฤดูฝนจะเกิดน้ำท่วมทุกปี จึงได้พากันอพยพมาจากที่ตั้งเดิมเนื่องจากปัญหาน้ำท่วม ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินสูงกว่าเดิม เป็นโคกป่าแต้ จึงเรียกตัวเองว่า บ้านโพน ต่อมาปี 2525 ทางราชการได้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “บ้านโพนทองใหม่” ปัจจุบันบ้านโพนทองเก่ายังคงมีประชากรที่ยังไม่ย้ายมาอยู่ที่บ้านโพนทองใหม่ประมาณ 14 หลังคาเรือนเพราะคิดว่าที่ตั้งเดิมดีอยู่แล้ว ประมาณปี พ.ศ. 2415 – 2420 ได้มีชาวบ้านจำนวน 10 ครอบครัว อพยพมาจากบ้านโพนละออม ตำบลหนองกุง อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม และอีกจำนวน 2 ครอบครัว อพยพมาจากบ้านปอภาร ตำบลปอภาร อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด มาตั้งถิ่นฐานในการทำมาหากิน ได้ตั้งชื่อบ้านว่า “บ้านโคกกลาง” สาเหตุเพราะบริเวณที่ตั้งหมู่บ้านเป็นโคกล้อมรอบด้วยป่าและอยู่ห่างไกลจากบ้านอื่น ปี พ.ศ. 2435 นายสุโพธิ์ ได้มาพร้อมกับครอบครัวและญาติ ๆ จำนวน 3 ครอบครัว อพยพมาจากบ้านโพนละออม ตำบลหนองกุง อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม สาเหตุที่ย้ายมาเพราะมีอีแร้งมาลงกลางบ้านโพนละออม ทำให้บ้านเดือด มีผู้คนล้มตายจำนวนมาก ชาวบ้านจึงแยกกันไปอยู่ตามบ้านต่าง ๆ เช่น บ้านโคกสาย บ้านโคกกลาง บ้านโพนทอง และบ้านหัวหนอง ตามหัวไร่ปลายนาของตนเอง ได้ตั้งชื่อบ้านว่า “บ้านโนนโพธิ์” เหตุที่ตั้งชื่อบ้านโนนโพธิ์ เพราะผู้ที่มาก่อตั้งหมู่บ้านคนแรกชื่อ โพธิ์ พร้อมทั้งลักษณะทางกายภาพของบริเวณที่ตั้งเป็นโนนประมาณปี พ.ศ. 2440 – 2445 ได้มีชาวบ้านจากบ้านโคกก่อง หรือบ้านหนองเม็ก ตำบลปอภาร อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด มาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินบริเวณ “บ้านโพธิ์สัย” ตำบลโพธิ์สัย ในตอนแรกเรียกบ้านหนองแต้ซึ่งเอาชื่อมาจากหนองน้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่งมีต้นแต้เกิดอยู่กลางน้ำ (จากการสัมภาษณ์ นายสอน เศรษนุศาสตร์ อายุ 86 ชาวบ้านบ้านโพธิ์สัย) เล่าว่าเมื่อ พ.ศ. 2445 ในช่วงกลางวันได้มีสัตว์ตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านได้แห่กันไปดูสัตว์ตัวนั้นคือ “ลิ่น ”ชาวบ้านจึงได้พากันไปเสี่ยงทายหมอดูบอกว่าถ้าหากชาวบ้านบวงสรวงไม่ถูกวิธีจะเกิดภัยพิบัติ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อชาวบ้านแน่นอน อยู่มาประมาณเดือนเศษกลางเดือนเมษายน พ.ศ. 2445 ได้เกิดไฟลุกลามเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านช่วยกันดับไฟแต่ดับไม่ไหว ไฟจึงไหม้บ้านหนองแต้วอดไปถึง 18 หลังคาเรือน ไร้ที่อยู่อาศัย จึงพากันอพยพไปอยู่ที่วัดซึ่งมีต้นโพธิ์ 2 ต้น ให้ผู้คนได้อยู่อาศัยร่มเงาประมาณ 2 เดือนเศษ พอสร้างที่อยู่อาศัยเสร็จจึงอพยพจากวัดเข้ามาอยู่ในบ้าน ชาวบ้านจึงเห็นความสำคัญของร่มโพธิ์ ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อบ้านจากบ้านหนองแต้ มาเป็น “บ้านโพธิ์สัย” ปี พ.ศ. 2491 นายจวน ยอยโพธิ์สัย ได้อพยพครอบครัวและญาติพี่น้องมาจากบ้านนาแพง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม สาเหตุเพราะหมู่บ้านเดิมเกิดโรคระบาด ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก มาตั้งถิ่นฐานที่บ้านใหม่เรียกว่า “บ้านห้วยทราย” เพราะตั้งอยู่ใกล้ลำห้วยทราย และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อบ้านเป็น “บ้านโสกเชือก” (จากการสัมภาษณ์นายนวน จันทะโสก อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านโสกเชือก) เล่าว่า คำว่าโสกเชือกได้มาจากลำห้วยทราย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านมีโสกใหญ่แห่งหนึ่งมีน้ำขังตลอดปี และบริเวณโสกนี้มีต้นเชือกใหญ่น้อยจำนวนมากขึ้นอยู่โดยรอบ เป็นที่สำหรับประชาชนในหมู่บ้านใช้น้ำในการอุปโภคบริโภค และในการเลี้ยงสัตว์ตลอดปี (ปัจจุบันได้มีการปรับพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเป็นที่ทำกินไปจนหมดแล้ว) ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2544 ทางราชการได้ประกาศแยกบ้านโสกเชือกออกเป็นสองหมู่คือ หมู่ 7 และหมู่ 10 เนื่องจากประชากรมีจำนวนมาก และเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ โดยมีนายประดิษฐ์ สันคะนุช เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของหมู่ที่ 10 ปี พ.ศ. 2460 ได้มีชาวบ้านจำนวน 3 หลังคาเรือน อพยพมาจากบ้านสวนจิก ตำบลสวนจิก อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด มาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินบริเวณ “บ้านหญ้าคา” เดิมชื่อ“บ้านหนองหญ้าคา” เพราะบริเวณที่ตั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าคา เมื่อปี พ.ศ. 2532 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบ้านหญ้าคา เนื่องจากชาวบ้านคิดว่า หญ้าคาคงไม่สามารถเกิดในหนองน้ำได้ ปี พ.ศ. 2473 ได้มีชาวบ้านจากบ้านหนองบัวดงลิง ตำบลหนองบัวดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ครั้งแรกที่อพยพมานั้นยังไม่มีหลายครัวเรือน มาตั้งถิ่นฐานในการทำมาหากิน ที่บริเวณ “บ้านหนองแสง” สาเหตุที่ใช้ชื่อบ้านหนองแสง เพราะมีหนองอยู่ท้ายบ้านทางทิศเหนือ และมีต้นแสงใหญ่อยู่ริมหนองจึงตั้งชื่อบ้านว่า “บ้านหนองแสง” โดยมีนายสุโพธิ์ รัตนศรี เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกปี พ.ศ. 2484 ได้มีชาวบ้านจำนวน 3 ครอบครัว คือครอบครัวนายอินทมาตย์ นายสอน และนางพุฒิ เป็นกลุ่มแรกที่ก่อตั้งหมู่บ้านแห่งนี้ (จากการสัมภาษณ์ นายทองมี ศรีอรัญ อายุ 76 ปี ชาวบ้านบ้านโพธิ์สัยน้อย) เล่าว่าในอดีตนั้นที่บริเวณนี้มีสภาพเป็นป่าโคกสูง ได้มีหญิงบ้าคนหนึ่งชาวบ้านเรียกว่า “อีหนึก” ชอบเดินอยู่บริเวณป่าแห่งนี้ต่อมาได้คลอดลูก แต่ว่าลูกตายจึงเกิดอาการบ้าเลือด ไม่สามารถควบคุมสติของตนเองได้ จึงทำให้เป็นบ้าชาวบ้านจึงเรียกชื่อหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านโคกอีหนึก” ต่อมามีการขยายตัวของคนในหมู่บ้านเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีประชากรจากบ้านโพธิ์สัยหมู่ที่ 4 อพยพมาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำมาหากินตามหัวไร่ปลายนาจึงเรียกชื่อบ้านว่า“บ้านโพธิ์สัยน้อย” ปี พ.ศ. 2508 นายสุทธิราช แพงโพนทอง พร้อมกับชาวบ้านจำนวน 16 ครอบครัว อพยพมาจากบ้านโพนทอง ตำบลโพธิ์สัย อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด สาเหตุที่ย้ายมาเนื่องจากในปี พ.ศ. 2507 นั้นที่บ้านโพนทองเกิดน้ำท่วม จึงได้ย้ายมาและตั้งชื่อหมู่บ้านว่าบ้านโนนสมบูรณ์ สาเหตุที่ใช้ชื่อนี้เพราะมีสามี ภรรยาคู่หนึ่ง สามีชื่อตาบูรณ์ ภรรยาชื่อยายสม ได้อพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่หมู่บ้านนี้ก่อน จึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านตามชื่อสามี ภรรยา และที่ตั้งหมู่บ้านอยู่ที่โนน จึงเรียกว่า “บ้านโนนสมบูรณ์” เพื่อเป็นสิริมงคล และหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของทุกคนภายในหมู่บ้าน (จากการสัมภาษณ์ นายสุทธิราช แพงโพนทอง อายุ 80 ปี ชาวบ้านบ้านโนนสมบูรณ์ ) เล่าว่าบ้านโนนสมบูรณ์เดิมนั้นเคยเป็นหมู่บ้านร้างชื่อว่า “บ้านเลิงมั่ง” สาเหตุที่เป็นบ้านร้างเนื่องจากว่า แต่ก่อนมีคนบ้ามาจากบ้านหนองตื่น ตำบลเขวา อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เคยเรียนคาถาอาคม แต่ไม่สามารถรักษากฎข้อห้ามในการเรียนคาถาอาคมได้ จึงทำให้เป็นบ้า ซึ่งคนบ้าได้ถือดาบเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงห้วยแอ่ง ขณะนั้นมีสามี ภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังเก็บกุ้ง เก็บปลาอยู่ริมห้วยแอ่ง สามีกำลังวิดน้ำ และภรรยากำลังก้มเก็บกุ้ง สามีเห็นคนบ้าถือดาบมาจึงวิ่งหนีเข้าหมู่บ้าน แต่ภรรยาไม่ทันเห็นจึงถูกคนบ้าฟันคอขาด เมื่อฆ่าภรรยาแล้วคนบ้าก็ได้วิ่งตามสามี เพื่อที่จะฆ่าสามี ไปเจอคนอยู่กรรม ก็ตัดคออีก ชาวบ้านได้ยินข่าวแตกตื่นไปรวมกันที่บ้านผู้ใหญ่หวอ เพราะเป็นบ้านยกพื้นสูง คนบ้าพยายามปีนขึ้นไปบนบ้าน ชาวบ้านที่อยู่บนบ้านเอาปืนยิงก็ไม่เข้า เอาหอกแทงก็ไม่เข้า เอาเสียมสับก็ไม่เป็นอะไร จึงใช้ผ้าถุงสีขาวของผู้หญิง คลุมศีรษะเพื่อทำให้วิชาเสื่อมแล้วใช้ปืนยิง เมื่อคนบ้าตายก็มีเหตุร้ายตามมา มีผู้คนล้มตายจำนวนมาก ชาวบ้านจึงอพยพหนีหมู่บ้านจึงเป็นบ้านร้าง จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2508 จึงมีชาวบ้านอพยพมาอาศัยและตั้งชื่อว่า “บ้านโนนสมบูรณ์” สิ่งที่ยังคงเหลือคือ ต้นประดู่ในบริเวณวัดเก่าที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมาก ***************************